สีสะท้อนความร้อน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหา “อุณหภูมิสูงในอาคารและโรงงาน” กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่เจ้าของกิจการจำนวนมากต้องเผชิญ โดยเฉพาะอาคารประเภท คลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม หรือโกดังโล่ง ที่หลังคามักเป็นเมทัลชีท ซึ่งดูดซับความร้อนได้ดีมาก
แต่รู้ไหมครับ? ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องติดเครื่องปรับอากาศเพิ่ม หรือเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมด — แค่เลือกใช้ สีสะท้อนความร้อน (Heat Reflective Paint) เท่านั้น!

สีสะท้อนความร้อนคืออะไร?

สีสะท้อนความร้อน คือ สีนวัตกรรมพิเศษที่ช่วยลดการดูดซับรังสีความร้อนจากแสงแดด โดยเฉพาะในช่วงคลื่นอินฟราเรด (IR) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลังคาและพื้นผิวร้อนจัดในตอนกลางวัน

สารสะท้อนความร้อนที่อยู่ในสี จะช่วย “สะท้อนกลับ” รังสีความร้อนออกไปแทนที่จะดูดซับไว้ ทำให้พื้นผิวหลังคาเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด — อุณหภูมิหลังคาสามารถลดลงได้ถึง 10–20°C และอุณหภูมิภายในอาคารลดลงเฉลี่ย 3–5°C เลยทีเดียว

กลไกการทำงานของสีสะท้อนความร้อน

กลไกหลักของสีประเภทนี้คือการใช้ เม็ดสี (Pigment) และ สารเติมแต่ง (Additives) ที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงในช่วงความยาวคลื่นต่าง ๆ เช่น

  • รังสี UV (Ultraviolet) – ป้องกันการซีดจางของสี
  • รังสี IR (Infrared) – ช่วยลดการดูดซับความร้อน
  • รังสี Visible light – ช่วยให้สีคงความสว่างและสะอาดตา

เมื่อทาลงบนพื้นผิว เช่น หลังคาเมทัลชีท คอนกรีต หรือไฟเบอร์ซีเมนต์ จะเกิดฟิล์มสีที่ทั้งสะท้อนความร้อนและป้องกันรังสีได้ในเวลาเดียวกัน

เหมาะกับอาคารแบบไหนบ้าง?

สีสะท้อนความร้อนเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอาคารที่ รับแสงแดดโดยตรงตลอดวัน เช่น

  • โรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรให้ความร้อน
  • โกดังเก็บสินค้า หรือคลังสินค้าที่ไม่มีระบบปรับอากาศ
  • อาคารสำนักงานในพื้นที่โล่ง
  • อาคารพาณิชย์ หรือโชว์รูมที่ใช้กระจกและโลหะมาก
  • บ้านพักอาศัยชั้นเดียวหรือบ้านในเขตแดดแรง เช่น ภาคกลางและภาคอีสาน

โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูงเฉลี่ยกว่า 35°C สีสะท้อนความร้อนจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ “คุ้มค่า” ที่สุดในการลดความร้อนในอาคาร

ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ

การลงทุนทาสีสะท้อนความร้อนไม่ได้แค่ช่วยเรื่องความเย็นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น

  1. ลดค่าไฟฟ้าได้จริง
    เมื่ออุณหภูมิในอาคารลดลง เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ส่งผลให้ค่าไฟลดลงเฉลี่ย 10–30% ต่อเดือน
  2. ยืดอายุการใช้งานหลังคา
    การลดอุณหภูมิและการป้องกันรังสี UV ช่วยลดการแตกร้าวและการขยายตัวของแผ่นหลังคาเมทัลชีท
  3. เพิ่มความสะดวกสบายให้พนักงาน
    ภายในโรงงานหรือสำนักงานจะเย็นลงโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศมาก ทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานดีขึ้น
  4. ดูแลรักษาง่าย
    ฟิล์มสีชนิดนี้มักมีคุณสมบัติ Self-Cleaning หรือไม่เก็บฝุ่น ทำให้หลังคาดูสะอาดอยู่เสมอ
  5. ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน (Carbon Footprint)
    เพราะใช้พลังงานน้อยลงในการทำความเย็น จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

เลือกสีสะท้อนความร้อนแบบไหนดี?

ไม่ใช่ทุกยี่ห้อจะได้ผลเท่ากันนะครับ การเลือกควรดูจากปัจจัยต่อไปนี้:

  • มีผลการทดสอบรับรอง (Test Report) จากสถาบันเช่น TISI หรือ ASTM
  • ค่า Solar Reflectance (SR) ควรมากกว่า 80%
  • ค่า Thermal Emittance (TE) ควรมากกว่า 0.80
  • ทนต่อรังสี UV และการชะล้างจากฝน
  • สามารถทาได้ทั้งหลังคาเมทัลชีท คอนกรีต และผนังภายนอก

ตัวอย่างเช่น สีสะท้อนความร้อนจากญี่ปุ่น หรือสีสูตรอะคริลิก 100% คุณภาพสูง ที่นิยมใช้ในอาคารอุตสาหกรรม เพราะมีฟิล์มสีหนาและยืดหยุ่นได้ดี

ควรพ่นสีเมื่อไหร่ดีที่สุด?

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการพ่นสีสะท้อนความร้อนคือ
ปลายฤดูร้อนถึงต้นฤดูฝน (มีนาคม–กรกฎาคม)
เพราะพื้นผิวแห้งสนิท ไม่มีความชื้น และเป็นช่วงที่หลายโรงงานลดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงประจำปี

ทำไมต้องใช้บริการพ่นสีสะท้อนความร้อนกับช่างมืออาชีพ?

แม้ว่าการทาสีจะดูเหมือนง่าย แต่การพ่นสีสะท้อนความร้อนบนหลังคาโรงงานต้องอาศัย ความชำนาญและอุปกรณ์สำหรับงานที่สูง (High-Access Work) เช่น

  • ชุด Safety Harness และ Lifeline
  • เครื่องฉีดพ่นแรงดันสูง
  • ทีมงานที่ผ่านการอบรมและมีใบเซอร์ Safety

หากพ่นผิดวิธีหรือผสมสีไม่ถูกสัดส่วน อาจทำให้สีเสื่อมเร็ว หรือสะท้อนความร้อนไม่เต็มประสิทธิภาพ

หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านงานพ่นสีสะท้อนความร้อน

Astec Engineering Service พร้อมให้คำปรึกษาและประเมินหน้างานฟรี
ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 1,000 โครงการทั่วประเทศ

“ลดร้อน ประหยัดพลังงาน ยืดอายุหลังคา — ด้วยสีสะท้อนความร้อนจากมืออาชีพตัวจริง”

Comments are disabled.